Line Line Official ข้อดีข้อเสีย Line@ หรือ OA กับการคิดค่าใช้จ่าย
Line ประกาศ Redesign ซึ่งจะเป็นการรวมเอาฟีเจอร์ของ Line@ และ Line Official ไว้ด้วยกัน ซึ่งจากเดิมที่การใช้ Line Official นั้นเป็นเรตราคาที่สำหรับบริษัท Corporate ใหญ่ๆเท่านั้นจะเอื้อมถึง (ประมาณ 4 ล้านบาทขั้นต่ำต่อการใช้งาน 1 เดือน) ซึ่ง SME ส่วนใหญ่จะใช้ Line@ ที่มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์พอควรและมีราคาแค่หลักพันต่อเดือน
ถ้าต้องใช้ API ต่อข้อมูล CRM ต่างๆ+Chatbot ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกจำนวนนึง (ประมาณ4ล้านบาท) SME ไม่สามารถจ่ายได้จึงใช้ Line@ กันซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้แม้แต่ SME ก็สามารถใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้
มาดูกันดีกว่าว่าอะไรเปลี่ยนไปบ้าง และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
อะไรเปลี่ยนไปบ้าง ว่ามาซิ
- หน้าตาดี ใช้งานง่ายขึ้น
- เปลี่ยนให้ทุกแพคเกจใช้ดีไซน์เดียวกัน สามารถจัดการคอนเทนต์ต่างๆในแอปได้ง่ายขึ้น
- ไม่จำกัดจำนวนเพื่อน จากปกติที่ Line@ คิดเป็นตามแพ็คเกจ คราวนี้ก็ไม่จำกัดอีกต่อไป
- ฟีเจอร์ยังครบทุกอย่าง ทั้ง Broadcast, Rich Content, E-Coupon บัตรสะสมแต้ม เพิ่มเติม Preview เข้ามาให้เห็นภาพหรือคอนเทนต์ที่เรากำลังจะส่งให้ลูกค้าด้วย(กันพลาดได้ดีเชียว)
- สามารถเชื่อมต่อกับระบบต่างๆผ่าน API ได้อีกด้วย
API มี 2 ส่วน คือ Push message และ Reply message
API ที่เปิดให้ใช้แบ่งออกเป็น API ในการส่ง (Push message) เหมือนเรามีเพื่อน 1,000 คนส่งให้ 100 คน ก็ push message ไปหาคน 100 คน เหมือนส่งแบบกลุ่ม ถ้าส่งผ่าน API ส่งได้สูงสุด 5 balloon
เช่น ถ้าเราขายอาหารเสริม เราแอดเฟรนลูกค้าไป อีกเดือนนึง เราอยากไปเตือนลูกค้าเรื่องโปรโมชั่นของเรา พุ่งเป้าที่ 100 คนที่ติด tag ไว้ว่าเป็นเป้าหมาย
พอลูกค้ากดสั่งจะมีข้อความจากลูกค้าส่งมาหาเราทางไลน์ ซึ่งก็คือ Chatbot
การตอบโต้กลับทาง API นี้เรียกว่า Reply message ซึ่ง Line official account ไม่คิดเงิน
เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดคตามต้องการและแชทกับ Bot ที่เราตั้งค่าไว้ และสามารถปิดการขายได้เลย ซึ่งลูกค้าก็กดจ่ายผ่าน Line pay ไอีกด้วย เรียกว่า ครบจบในแพล็ตฟอร์มเดียว ซึ่ง Bot ทำงานเองหมดเลย โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
API ที่เปิดให้ใช้แบ่งออกเป็น API ในการส่ง (Push message) เหมือนเรามีเพื่อน 1,000 คนส่งให้ 100 คน ก็ Push message ไปหาคน 100 คน เหมือนส่งแบบกลุ่ม ถ้าส่งผ่าน API ส่งได้สูงสุด 5 balloon
เช่น ขายอาหารเสริม แอดเฟรนลูกค้าไป อีกเดือนนึง เราอยากไปเตือนเรื่องโปรโมชั่นของเรา 100 คนที่ติด tag ไว้ว่าเป็นเป้าหมาย
พอลูกค้ากดสั่งจะมีข้อความจากลูกค้าส่งมาหาเราทางไลน์ ซึ่งก็คือ Chatbotการตอบโต้กลับทาง API นี้เรียกว่า Reply message ซึ่ง Line official account ไม่คิดเงิน เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดคตามต้องการและแชทกับ Bot ที่เราตั้งค่าไว้ และสามารถปิดการขายได้เลย ซึ่งลูกค้าก็กดจ่ายผ่าน Line pay ไอีกด้วย เรียกว่า ครบจบในแพล็ตฟอร์มเดียว Bot ทำงานเองหมดเลย โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
2. ฟีเจอร์ Chat ใหม่ละเอียดกว่าเดิม เพิ่มเติมการจัดหมวดลูกค้า
พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์มีคนทักมาเป็นร้อยในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นการจัดการ CRM หลังบ้านเป็นเรื่องสำคัญมาก บ่อยครั้งที่มักจะลืมตอบแชท หรือหลุดออเดอร์ไป ทำให้เกิดผลเสียต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าตามมา ปกติเราจะเป็น one-on-one chat ที่ลูกค้าตอบโต้เราไม่ได้ แต่ถ้าใช้ API ในการตอบโต้ จะสามารถตอบลูกค้าได้ตลอดหรือเป็น Auto-reply
ตอนนี้ Line สามารถเขียนโปรแกรมเชื่อมกับ Line official account ได้ฟรี ปกติต้องเสีย 2 ล้านบาทต่อปี แต่ตตอนนี้ฟรีแล้วจ้า
- เพิ่ม Chat 1:1 โฉมใหม่ ที่ทำให้คุยกับลูกค้าในกลุ่มแบบตัวต่อตัว ที่เก๋คือใส่ tag กันลืมเหมือนที่เราจัดในเมล์ได้ด้วยนะ เช่น รอโอน, VIP, จอง (เราตั้งชื่อ tag ได้เอง หรือจะเลือกจากที่ระบบมีให้ก็ได้) ซึ่งทำให้
- เก็บ Backup ได้นานขึ้น พ่อค้าแม่ค้ากลับไปอ่านข้อความที่คุยไว้ก่อนหน้ากับลูกค้าได้ เพื่อจัดระเบียบและระดับของลูกค้า
- เพิ่ม Chat 1:1 เข้าไปคุยในฐานะคนๆหนึ่งในแบบกรุ๊ปใน Line@ได้
3. รู้จักลูกค้าเรามากกว่าเดิมด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูล CRM แบบจัดเต็ม
คงจะดีกว่า หากเรารู้ว่าแคมเปญที่เรายิงไป ส่งไปหาลูกค้านั้นเขาสนใจไหม เห็นกี่คน ตรงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ มากกว่าที่จะโยนคอนเทนต์ลงไปในกรุ๊ปตู้มเดียว งานนี้ Line ได้เพิ่มฟีเจอร์ดังนี้
- Dashboard สรุปข้อมูลและสถิติของยอด Follower, Impression รวมถึงโพสต์ Broadcast และแชทต่างๆของเรา เพื่อให้เราเข้ามาปรับปรุง performance ของเราให้ดีขึ้น จากเดิมที่ผู้ซื้อแพ็คเกจ Line@ ระดับกลางจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าอยู่แล้ว เช่น เพศ อายุ การใช้งานผ่านเครื่องมือต่างๆ ตอนนี้คนที่ใช้แพ็คเกจอื่นก็สามารถดูได้เช่นกัน และยังสามารถส่งข้อมูลไปตามกรุ๊ปได้ด้วย
- ข้อมูลเหล่านี้จะถูกแสดงเป็น Graph chart ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์การทำคอนเทนต์ที่จะ Broadcast ได้ดียิ่งขึ้นว่าผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
4. ใช้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น Pay as you go
ก่อนหน้านี้เราจะสามารถ Broadcast ตามจำนวนแพ็คที่เราซื้อไว้ เช่น ถ้าเราเป็นแพ็คฟรี ก็ส่งได้ไม่เกิน 1,000 ข้อความ ไม่เกิน 3 บอลลูนต่อการโพสต์ 1 ครั้ง หรือ แพ็คที่คิด Broadcast แบบเหมารวมซึ่งสามารถส่งแบบไม่จำกัดข้อความ โดยส่งได้ไม่เกินจำนวนผู้ติดตามของแพ็คเกจที่ได้ซื้อไว้
- แพ็คเกจแพ็คฟรี ส่งข้อความ 1000 ครั้ง (เหมือนการส่ง sms) นับวิธีการส่งเป็น balloon สามารถส่งสูงสุด 3 balloon พร้อมกัน ถือเป็น 1 ข้อความ (ข้อความ/ภาพ/วีดีโอ)
- แพ็คเบสิค เริ่ม 500 บาท สูงสุด 15,000 ข้อความ ตกข้อคามละ 30 สตางค์ จะ broadcast สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาเก็บเหมือนเราส่ง sms
- แพ็คโปร 1,500 บาท ข้อความฟรีไม่เกิน 35,000 ข้อความ ส่งเกิน คิด 10 สตางค์/ข้อความ (ถ้ามีเพิ่อนหลักหมื่น-แสนควรซื้อแพ็คนี้) อยู่ที่จำนวนเราซื้อเป็นวอลุ่ม เป็น pay as you go คิดเงินเฉพาะคนที่เราส่งหาได้ คนที่บล็อคเราไม่นับ
ข้อเสีย
คนที่ชอบยิง Broadcast เยอะๆ จะกระทบต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ และวางแผนการ Broadcast ให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นระบบจะคิดเงินไปเรื่อยๆ
วิธีคำนวณจำนวนข้อความ เทียบระหว่าง LINE@ เดิม และ LINE Redesign
LINE@
2 ข้อความ x Target Reach 600 = 1,200 Message
LINE Redesign
1 Blast x Target Reach 600 = 600 Message
*ส่งได้สูงสุด 3 Balloon ต่อการส่ง 1 ครั้ง
** Target Reach คือ Follower ของเราที่ไม่บล็อกเราและใช้งาน LINE อย่างต่อเนื่อง
เราก็จะได้ Blast มาแทนจำนวนข้อความ ซึ่งผู้ใช้ทุกแพ็คเกจก็สามารถใช้ส่งข้อความได้แบบ unlimited แล้ว
ทุกฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับทุกแพ็คเกจ จากที่เมื่อก่อนถ้าซื้อแพ็คราคาเริ่มต้น จะใช้บางฟีเจอร์ไม่ได้
5. Rich content ฟรีทั้งหมด
Rich content ในที่นี้หมายถึง คอนเทนต์ที่มีรูปแบบนอกเหนือจากข้อความทั่วไป เช่น VDO หรือรูปภาพใหญ่ๆที่แนบลิ้งค์ URL ต่อไปสู่เว็บไซต์ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้การ Broadcast Rich content นั้นมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเริ่มต้นที่แพ็คเกจ Starter ที่ประมาณ 200 บาท
แต่ถ้าต้องการทำ Rich Menu หรือ Rich VDO ก็ต้องเลือกแพ็คเกจ Pro ขึ้นไป และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,000–5,000 บาท ตอนนี้ฟรีหมดจ้า สุดยอดไปเลย!
6. ย้ายระบบกันยังไง?
สำหรับคนที่ใช้ LINE@ อยู่แล้ว จะเริ่มใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ในเดือนพฤษภาคม
โดยการเลือก ‘Start Using New Platform’ บน LINE@ MANAGER โดยจะกลับมาใช้ระบบเดิมไม่ได้ แต่ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะหาย เพราะข้อมูล Premium ID และ Follower ก็จะถูกย้ายตามมาด้วย
- สำหรับผู้ที่ต้องการอัพเกรด ID เป็น Premium ID จะมีค่าใช้จ่ายที่ 444 บาท ต่อปี
- QR Code จากระบบ LINE@ จะสามารถใช้ได้จนถึง March 2563 หลังจากนั้น ต้องใช้ QR Code จาก LINE Official Account แทน (สำหรับใครที่ทำ PR และ Marketing เตรียมเปลี่ยนใน Marketing Content ของตัวเองได้เลย )
วันที่ 14 มกราคม 2563 จะหยุดใช้ lineOA โดยถาวร
ถ้างงงงงงง กัน ไม่ต้องคิดเยอะ ให้ imakeplus จัดทำให้เลย อย่ารอช้า เดี่ยวสมาชิกท่านหายหมด
line@ : @imakeplus (มีแอดนำหน้า)
** linebot mode คือ การพิมพ์ข้อความแล้ว ให้ระบบตอบคำว่าอะไร ด้วย ข้อความ หรือ ภาพ หรือ วิดีโอ
จองคิวในการจัดทำได้ที่ เรา imakeplus
ติดต่อได้ที่ไลน์ไอดี => @imakeplus (มี@นำหน้า)