Artificial Intelligence (AI) ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือ ”ระบบ” ในการวิเคราะห์และประมวลผลที่มีความคล้ายคลึงกับความฉลาดของมนุษย์ และสามารถนำออกมาเป็นผลลัพธ์ต่างๆ เช่น การทำนายพฤติกรรมของลูกค้าใน E-Commerce หรือการวิเคราะห์อาการของผู้ป่วยจากข้อมูลต่างๆในโรงพยาบาลMachine Learning (ML) Machine Learning คือ “การทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยใช้ข้อมูล” Machine Learning เป็น subset ของ AI จุดประสงค์คือเพื่อใช้ในการสร้างแอปพลิเคชั่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ในการทำงานบางประเภท โดยการทำให้ฉลาดขึ้น สามารถพัฒนา และเรียนรู้ได้ด้วยตนเองDeep Learning (DL) Deep Learning คือ “วิธีการเรียนรู้ลักษณะต่างๆ ของข้อมูล” โดยมีพื้นฐานการทำงานหรือการเรียนรู้จากระบบประสาทของสมองมุษย์ และ Deep Learning เป็น subset ของ Machine Learning
ตัวอย่าง

ประเภทของเทคโนโลยี AI และตัวอย่างการใช้งานทางธุรกิจ

จากข้อมูลการศึกษาของ Harvard Business Review หากมองเทคโนโลยี AI ในมุมของการนำ AI มาเพิ่มช่วยขีดความสามารถของธุรกิจ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ สามารถช่วยตอบโจทย์ธุรกิจได้ใน 3 ประเด็นหลักๆ ดังต่อไปนี้ ทำให้กระบวนการในทำงานบางอย่างเป็นรูปแบบอัตโนมัติ ได้ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ข้อมูล และช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและพนักงานภายในองค์กร และหากจะแบ่งประเภทของ AI ที่ประยุกต์ใช้กับธุรกิจ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

1. Process automation 

ภาพประกอบ Canva

เป็นประเภทของ AI ที่สามารถพบเจอได้มากที่สุดในการนำ AI ไปใช้ในภาคธุรกิจ โดยการนำระบบ automation มาใช้ในการทำงานทั้งในรูปแบบที่เป็นแบบดิจิทัล และเอกสารจับต้องได้ กับงานที่เป็น Back-office และกิจกรรมทางการเงิน ผ่านทางระบบ Intelligent Document Processing หรือการประมวลผลเอกสารอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) และ Robotic Process Automation หรือ RPA เป็นการใช้โปรแกรม AI ที่ทำงานเหมือนมนุษย์ในการป้อนข้อมูล และสามารถอ่านข้อมูลจากหลายๆระบบ และสามารถส่งข้อมูลกลับไปยังระบบขององค์กรได้ผ่านการเชื่อมต่อ API ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน และลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลได้เป็นอย่างมาก 

ตัวอย่างการใช้งานทางธุรกิจ : 

  • การโอนย้ายข้อมูลจากอีเมล์ และระบบ Call center ไปยังระบบที่ใช้บันทึกข้อมูลลูกค้า เช่น การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของลูกค้า หรือเปลี่ยนแปลงการใช้บริการ เป็นต้น
  • การออกบัตร ATM ใหม่ เพื่อทดแทนบัตรที่หายไป  ต้องมีการเข้าถึงหลายระบบ เพื่ออัพเดทข้อมูล และจัดการเรื่องการสื่อสารกับลูกค้า
  • อ่านเอกสารทางกฎหมาย และสัญญา และดึงข้อมูลออกมา โดยใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ(Natural Language Processing)
  • อ่านข้อมูลเอกสารประเภทต่างๆ เช่น บัตรประชาชน ใบเสร็จรับเงินและใบแจ้งหนี้ ใบเคลมประกัน Book bank และดึงข้อมูลออกมาได้ในรูปแบบต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง ด้วยเทคโนโลยี OCR ที่มี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
  • Voice to Text การนำบทสนธนา ทั้งขณะพูดแบบสด หรือ จากไฟล์บันทึกเสียง ของลูกค้านำมาป้อนข้อมูล ลงในฟอร์ม
  • NLP (Natural Language Processing) การเข้าใจภาษามนุษย์ และ เรียนรู้การทำงานต่างๆ การประมวลผล เพื่อผลลัพท์ออกมาเป็น ML

2.Cognitive Insight

การใช้ Algorithms ในการหารูปแบบจากข้อมูลจำนวนมาก และสามารถแปลความหมายจากข้อมูลเหล่านั้นได้ ทำหน้าที่เปรียบเสมือน “นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ”

ภาพประกอบ : Canva

ตัวอย่างการใช้งานทางธุรกิจ : 

  • คาดการณ์สินค้าที่ลูกค้าแต่ละคนจะซื้อได้
  • ระบุการทุจริตในการขอวงเงินบัตรเครดิต รวมถึงการทุจริตในการเคลมประกัน
  • วิเคราะห์ข้อมูลการรับประกันเพื่อที่จะระบุถึงความปลอดภัย และปัญหาเรื่องคุณภาพในธุรกิจรถยนต์ และสินค้าอื่นๆ
  • แสดงโฆษณาตามความสนใจของลูกค้าแต่ละบุคคลคนโดยแบบอัตโนมัติ
  • ให้บริษัทประกันสามารถทำโมเดลคณิตศาสตร์ประกันภัยได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

3.Cognitive Engagement

ประยุกต์ใช้กับโปรเจคที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือพนักงานในองค์กร โดยใช้แชทบอท หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ

ภาพประกอบ : Canva

ตัวอย่างการใช้งานทางธุรกิจ : 

  • Call center อัจฉริยะ ที่สามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง สามารถให้บริการได้ทั้งคำถามทั่วไป และคำถามเฉพาะเจาะจงในหลากหลายภาษา หรือนำ ChatGPT เข้ามาช่วยตอบให้กับพนักงาน
  • เว็บไซต์ภายในบริษัทที่ตอบคำถามพนักงานในหลากหลายหัวข้อ ตั้งแต่ IT , ผลประโยชน์พนักงาน และนโยบายเรื่องการบุคคล
  • การแนะนำสินค้า และบริการให้กับลูกค้าแบบรายบุคคลสำหรับธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และเพื่อเพิ่มยอดขาย 
  • ระบบแนะนำการรักษารายบุคคลที่ช่วยแนะนำการรักษาโดยเฉพาะบุคคลนั้นๆ โดยดูจากข้อมูลประวัติการรักษา และประวัติของคนไข้

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับธุรกิจ

เทคโนโลยี AI มีประโยชน์กับธุรกิจในหลากหลายด้าน ขึ้นอยู่กับโจทย์ของแต่ละธุรกิจว่าต้องการนำระบบ AI ไปช่วยพัฒนาธุรกิจในด้านใด อ้างอิงข้อมูลจาก Accenture ได้สรุปเกี่ยวประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ไว้ดังต่อไปนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End)   : ระบบ AI ช่วยลดความขัดแย้ง และพัฒนาเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรได้อย่างมหาศาล นอกจากนั้นเทคโนโลยี AI ยังช่วยให้กระบวนการทำงานเดิมที่มีความซับซ้อนสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ และช่วยลดเวลาที่เครื่องจักรไม่ทำงานด้วยการคาดการณ์ความต้องการในซ่อมแซมเครื่องจักรได้แบบล่วงหน้า
  • เพิ่มระดับความแม่นยำ และยกระดับการตัดสินใจ : เทคโนโลยี AI ช่วยทำให้มนุษย์ฉลาดมากยิ่งขึ้นด้วยข้อมูลการวิเคราะห์ที่สมบูรณ์ และความสามารถในการคาดการณ์รูปแบบแพทเทิร์นต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ที่ทำให้การตัดสินใจของพนักงานมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความคิดสร้างสรรค์ได้ดียิ่งขึ้น
  • โดดเด่นในเรื่องความอัจฉริยะ : เพราะคอมพิวเตอร์คิดแตกต่างจากมนุษย์ คอมพิวเตอร์สามารถเติมเต็มช่องว่าง และโอกาสที่มีอยู่ในตลาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้า และบริการ รวมถึงช่องทางการขายใหม่ๆ ด้วยรูปแบบธุรกิจที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ที่แต่เดิมไม่สามารถทำได้
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงาน : AI ช่วยเข้ามาจัดการงานที่ต้องทำในรูปแบบเดิมๆ และต้องทำแบบซ้ำๆได้ ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานของพนักงาน และสนับสนุนให้พนักงานมีบทบาทในการทำให้ธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น AI ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ช่วยค้นพบศักยภาพอันน่าทึ่งที่มีอยู่ในตัวของพนักงานที่ไม่ได้มีร่างกายสมบูรณ์ 100% ในขณะเดียวกัน AI ช่วยทำให้พนักงานทุกคนทำงานได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
  • ส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า :  ด้วยเทคโนโลยี Machine learning ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ได้ข้อมูล Insight ของลูกค้าแบบครบลูป 360 องศา ส่งผลทำให้ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้า และบริการแบบ Hyper personalizationได้ เริ่มตั้งแต่แชทบอทที่ให้บริการได้อย่างรวดเร็วแบบ 24 ชั่วโมง ธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยี AI ในการให้ข้อมูลลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับลูกค้า ทำให้ธุรกิจเติบโต และรักษาฐานลูกค้าให้มาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าในภาพรวมได้อีกด้วย

ส่งท้ายบทความ…

เทคโนโลยี AI ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือการทำธุรกิจ การนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาปรับใช้กับชีวิตทำให้เราได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลา และทรัพยากรอีกด้วย ในขณะเดียวกันการนำระบบ AI มาใช้ในการทำธุรกิจเป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเลือกเครื่องมือ AI ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณจะช่วยพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาวได้อีกด้วย

รับทำสร้าง AI โดย Imakeplus ติดต่อ @imakeplus

รับทำ AI BOT ML OCR RPA V2T NLP Chatbot voicebot ChatGPT โทร 0877994285
ติดต่อ LineID : @imakeplus